Friday, May 10, 2013

เรื่องมันยาวครับ

เรื่องมันยาวครับ เล่าเรื่องเสียว


เรื่องมันยาวครับเรื่องก็มีอยู่ว่า ผมแต่งงานอยู่กินกับภรรยามาเกือบ 15 ปีแล้ว ตอนนี้ก็อายุเกือบ 40 กันทั้งคู่แล้ว ผมทำงานอยู่บริษัทเงินทุนของต่างประเทศ ที่เข้ามาซื้อกิจการของบริษัทไทยซึ่งถูกสั่งปิดไปสมัยยุคฟองสบู่ ส่วนภรรยารับราชการอยู่ฝ่ายติดต่อต่างประเทศ เช้าตื่นมาก็แยกย้ายไปทำงาน ส่วนใหญ่ภรรยาเป็นคนไปส่ง-รับลูกๆ ผมก็ขับรถไปทำงานของผมคนเดียว เราอยู่กันอย่างสุขสบายดี ทะเลาะกันบ้างเป็นธรรมดาของชีวิตการแต่งงาน เรื่องเซ็กซ์ไม่ค่อยตื่นเต้นเหมือนเมื่อสมัยแต่งงานกันใหม่ๆ ที่สำคัญรูปร่างทรวดทรงของภรรยาผมก็เปลี่ยนแปลงไปมาก เพราะหลังจากที่คลอดลูกคนที่สอง เธอค่อนข้างจะกินแบบไม่ระมัดระวังเลย เลยทำให้สร้างอารมณ์กันยากหน่อย ไหนจะงานมาก กลับมาบ้านกว่าจะเอาลูกเข้านอน เราทั้งสองคนก็เหนื่อยแทบลมใส่แล้ว ส่วนผมโดนสั่งให้ไปทำหมันอย่างเรียบร้อยโรงเรียนจีนไปแล้ว ส่วนใหญ่ก็อยู่กันแบบเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยากกันมากกว่า นานๆจะมีอารมณ์หลับนอนด้วยกันสักที ส่วนใหญ่ต้องการสร้างชีวิตที่ดีให้ลูกๆมากกว่า เรียกว่าใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย โฟกัสไปอยู่ที่ความเป็นครอบครัวเสียมากกว่า จนกระทั่งน้องภรรยาของผมชื่อหลิน เธอกำลังเรียนปริญญาตรีปลายเทอมสุดท้าย ที่มหาลัยเอกชนชื่อดังแถวกล้วยน้ำไท อายุเพิ่งจะพ้น 21 มาหมาดๆ หลินย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านประมาณสี่เดือนสุดท้ายก่อนที่จะเรียนจบ เพราะเพื่อนที่แบ่งเช่าหอพักใกล้มหาลัยชิงย้ายออกไปก่อนที่เธอจะเรียนจบ บ้านผมเป็นบ้านเดียวที่อยู่ในกรุงเทพฯ และอยู่ใกล้มหาลัยที่หลินเรียนอยู่ที่สุด ก็เลยต้องรับหลินมาช่วยเหลือโดยปริยาย แรกๆผมก็ไม่อยาก จะคิดอะไรมาก เพราะเห็นว่าเป็นน้องภรรยาซึ่งเห็นกันมาตั้งแต่เธอเป็นเด็กๆ จนกระทั่งโตเป็นสาวเต็มตัว หน้าตาของหลินไม่ถือว่าสวยปิ๊ง แต่ออกจะน่ารักซะมากกว่า สรีระของหลินเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่น่าเชื่อ จากเด็กผูกคอซองที่เคยเห็น มาใส่ชุดนักศึกษา(แบบรัดรูป) ทำให้ผมคิดมิดีมิร้ายกับเธอในฝันหลายครั้ง แต่ต้องพยายามสะกดใจให้อยู่ เพราะกลัวเสียภาพพจน์ดีๆ ที่มีต่อพ่อตา-แม่ยาย ผมก็เลยไม่อยากจะคิดอะไรให้ฟุ้งซ่าน แต่เห็นหลินในชุดนักศึกษาทีไร มันเริ่มจะมีความคิดอุบาทว์ ก็จะไม่ให้คิดได้ไงล่ะครับ เพราะหลินเธอเอวบาง ร่างเล็กกระทัดรัด แต่อวบสุดๆ เอวเป็นเอว อกเป็นยิ่งกว่าอก สะโพกเป็นสะโพก สูงประมาณ 150 ซม. หนักสัก 40 โล(กำลังน่าอุ้มเลยครับ) เอวไม่น่าจะเกิน 23 นิ้ว สะโพกประมาณ 32-33 ได้มั้ง แต่ที่สำคัญหน้าอกครับ ใหญ่เกินตัวจริงๆ ไม่ทราบว่าชาติก่อนทำบุญมาด้วยอะไร หน้าอกจึงได้ใหญ่แบบเกินหน้าเกินตาอย่างนี้ ขนาดพี่สาวหลิน(ภรรยาผมเอง) ยังเปรยให้ฟังอยู่บ่อยๆว่า ไม่รู้ว่าน้องสาวตัวเองกินอะไร ทำไมหน้าอกจึงใหญ่ขนาดนี้ (จริงๆ แล้วเป็นกรรมพันธุ์มากกว่า เพราะตัวภรรยาผมเองก็ใช่ย่อยอยู่เมื่อไร แต่พอตัวใหญ่ หน้าอกใหญ่ มันก็เลยดูสมดุลกัน แต่ประเภทตัวเล็ก นมใหญ่นี่ซิ มันเลยทำให้ดูเกินหน้าเกินตาเข้าไปใหญ่ ทำใจลำบากมากเลยครับ) ยิ่งเวลาหลินใส่เสื้อนักศึกษาที่รัดรูปและบางมาก จนแทบจะเห็นหมดเลย ว่าวันนี้ใส่เสื้อชั้นในสไตล์ไหน สายไขว้ ไร้สาย ลายลูกไม้ ลายเรียบ ส่วนกระโปรงก็เรียกว่าทั้งสั้น ทั้งรัด กระโปรงที่หลินใส่รัดรูปมาก ขนาดผมเห็นว่าวันไหนเธอใส่กางเกงในแบบไหนเลย ก็ขอบกางเกงในมันลอยเด่นขึ้นมาชัดแจ๋วเลยครับ เห็นขนาดรู้ว่าเป็นแบบเต็มตัว บิกินนี่ หรือ ทีแบ๊ค (Thong bikini) วันแรกๆ ที่ผมบังเอิญต้องขับรถไปส่งหลินที่มหาลัย เพราะเป็นทางผ่าน ผมต้องทำใจอย่างมากเลยครับ เพราะเวลาหลินนั่ง กระโปรงของเธอจะร่นขึ้นมาสูงมาก (เพราะมันสั้นมากเป็นทุนอยู่แล้ว) หลินต้องเอาหนังสือมาปิดไว้เป็นประจำ ส่วนเสื้อก็ถ้ามองผ่านร่องกระดุมด้านข้าง ก็จะเห็นเนินเนื้อหน้าอกของหลินอย่างชัดเจนเลยครับ เพราะเสื้อที่ใส่ตัวเล็ก รัดมากตามสมัยนิยม เลยทำให้หน้าอกของหลินมันดันออกมาอย่างไม่เกรงอกเกรงใจใครเลย เพราะภาพเหล่านี้ที่ได้เห็นทุกวันที่ต้องไปส่งหลิน ในที่สุดผมก็เลยอาสาหลินไปว่า ถ้าวันไหนเลิกเรียนตรงกับเวลาที่พี่เลิกงานพอดี พี่จะมารับให้ก็ได้นะ หลินก็ขอบคุณอย่างเรียบร้อย พร้อมกับบอกว่า แล้วหลินจะโทรเข้ามือถือไปบอกพี่แซมก่อนเลิกงานก็แล้วกันนะคะ ส่วนใหญ่ผมกะหลินก็กลับบ้านด้วยกัน ผมก็เลยได้เห็นอะไรดีๆ ของน้องเมียเป็นประจำ ยิ่งอยู่ไปนานวันเข้า ความคิดชั่วร้ายก็เริ่มเกิดขึ้น แต่รอจังหวะเมียเผลออยู่ เพราะไปรับไปส่งกันทุกวันเข้า เริ่มรู้สึกว่าหลินเริ่มจะนั่งโชว์รูปร่างอย่างเปิดเผยกว่าวันแรกๆ เยอะเลย ตัวอย่างเช่น พอขึ้นรถก็จะปลดกระดุมเสื้อก่อนเลย คงเป็นเพราะอากาศร้อน วันแรกๆก็เม็ดที่หนึ่ง วันหลังๆก็ลงมาสองเม็ดเลย ส่วนกระโปรงซึ่งสั้นอยู่แล้ว เวลานั่งบนเบาะรถ มันก็จะร่นขึ้นมาจนเห็นขาอ่อนอันเรียวงามอย่างเห็นได้ชัด เดี๋ยวนี้หลินนั่งแบบไม่เอาหนังสือมาปิดแล้ว วันไหนใส่ตัวที่ผ่าข้างหลังลึกๆ แล้วหลินนั่งไขว่ห้างและเอียวตัวพิงประตูด้วย ผมก็เห็นกันเข้าไปเกือบถึงก้นเลย พยายามทำสมาธิขับรถไป หลินก็ขยับขาไปมา เราก็นั่งลุ้นแล้วลุ้นอีก ทั้งขาวทั้งเรียว ใครจะไม่อยากมองล่ะครับ พักหลังๆผมเริ่มจะมองอย่างไม่เกรงใจแล้ว ก็เล่นเปิดให้ดูกันอย่างนี้ ใครจะไปทนไหวล่ะครับ ไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะครับ หลินเองก็เหมือนจะรู้ว่าผมแอบใช้สายตาซุกซนกับรูปร่างของเธอ จนบางครั้งเหมือนหลินออกจะชอบยั่วผมอีกต่างหาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่พี่สาวของเขา(เมียผมเอง)ไม่อยู่บ้าน เธอก็จะใส่กางเกงขาสั้นจู๋รัดรูปเต็มที่ (จนเห็นว่าใส่กางเกงชั้นในแบบไหน) กับเสื้อกล้ามบ้าง สายเดี่ยวบ้าง มานั่งดูทีวีด้วยกัน เวลาหลินจะก้มจะเงยเธอไม่มีการปิดคอเสื้อ หรือว่าจะก้มด้วยการย่อเข่าเลย ถ้าจะก้มเธอก็จะยกก้นลอยโด่งหันมาทางผมเลยครับ ลองนึกภาพดูซิครับ กางเกงขาสั้นจู๋ รัดรูปแบบสุดๆ ยิ่งโก้งโค้งก้มเก็บของแบบเข่าตึง ผ้ายืดก็ยิ่งยืดรัดรูปเข้าไปใหญ่ เห็นหมดเลยครับ แบบทะลุปรุโปร่ง ส่วนใหญ่วันที่อยู่บ้านหลินจะใส่ ที-แบ๊ค(เซ็กซี่ได้อารมณ์มากเลย) แรกๆ ผมก็ต้องหันหน้าหนี เดินเข้าห้องนอนไปบ้าง เพราะเห็นเป็นน้องเป็นนุ่ง แต่ได้เห็นบ่อยๆเข้า เหมือนว่าหลินเต็มใจที่จะให้ดู บางทีผมเลยแกล้งใช้ก้มเก็บโน่นเก็บนี่ (เวลาเมียไม่อยู่) เธอก็จะชอบทำนมหก หรือก้นลอยให้ผมดูเป็นประจำ เหมือนกับว่าเธอเต็มใจที่รู้ว่า พี่เขยกำลังแอบตรวจเช็คสัดส่วนของเธออยู่ ผมก็ได้แต่นั่งชั่งใจ และก็รอโอกาสทองจังหวะเมียเผลอ ในที่สุดโอกาสทองมาถึง ภรรยาผมได้รับคัดเลือกไปประชุมที่ต่างประเทศเป็นเวลา 10 วัน หลังจากที่หลินมาอยู่กันเราได้ประมาณเดือนครึ่งแล้ว ภรรยาผมเข้าไว้ใจผมมาก เพราะไม่เคยมีประวัติไม่ดีเรื่องอย่างนี้ เธอไปประชุมอย่างไม่ห่วงใยว่าอะไรจะเกิดขึ้น ระหว่างผมกะน้องสาวของเธอเลย วันรุ่งขึ้นเป็นวันศุกร์และเป็นช่วงที่โรงเรียนลูกปิดพอดีพอดี คุณตาคุณยายก็มารับหลานๆ ไปอยู่ด้วยที่ต่างจังหวัด ช่วงที่แฟนผมไปต่างประเทศ ไม่มีใครคิดสงสัยอะไรผมเลย ผมก็ได้โอกาสถามหลินว่า เสาร์-อาทิตย์นี้มีนัดกะใครบ้างหรือป่าว หลินบอกว่าต้องเตรียมดูหนังสือสอบก่อนจบ วิชาที่จะสอบก็คือวิชาของคณะบริหารธุรกิจ (บัญชี การตลาด การจัดการ และการเงิน) ซึ่งตรงกันกับที่ผมเรียนจบมาและใช้ทำงานด้วยพอดี ผมเลยได้โอกาสชวนหลินติวสอบเลย เพราะเธอปฏิเสธไม่ได้อยู่แล้ว หลินขอบคุณแล้วบอกว่า เย็นนี้เริ่มกันเลย ผมก็ไปรับหลินที่มหาลัย ระหว่างขากลับก็นั่งคุยกันเรื่องชีวิตนักศึกษาสมัยผมกะสมัยหลิน ว่ามันต่างกันเยอะ โดยเฉพาะการแต่งตัว หลินหันมามองผมแล้วถามว่า สมัยนี้ต่างกะสมัยพี่อย่างไร ผมบอกไปว่า สมัยนี้ นักศึกษาหญิงมีความมั่นใจในตัวสูงมาก เพราะสมัยพี่มีแต่เสื้อโคร่งๆ กระโปรงยาวๆ หรือไม่ก็ระดับหัวเข่า ประเภทเหนือหัวเข่าเป็นฟุต ไม่มีใครกล้าใส่กันหรอก พวกนักศึกษาหญิงที่มีหน้าอกใหญ่ๆ ก็จะเดินห่อไหล่ ใส่แต่เสื้อตัวใหญ่ กลัวผู้ชายแซวเอา เดี๋ยวนี้ใครมีหน้าอกมากก็ยืดอกโชว์ได้เต็มที่เลย แถมเสื้อรัดรูปอีกต่างหาก คิดแล้วอยากเกิดมาเรียนมหาลัยสมัยนี้นะ มีอะไรดีๆ ให้ได้ดูได้ชมเยอะแยะเลย ผมเห็นหลินหน้าแดงก่ำเลย ไม่รู้ว่าพูดถูกใจเธอหรือเปล่า เพราะหลินเองก็คงรู้ว่าหน้าอกของเธอไม่เป็นรองใครอยู่แล้ว ผมก้อพูดต่อไปอีกว่า แต่พี่ชอบนะ เพราะแสดงถึงความกล้าแสดงออกที่ผู้หญิงไทย ได้พัฒนาขึ้นมาจากสมัยก่อน ผมแอบเห็นหลินนั่งอมยิ้มอยู่ ผมเลยถามว่า หลินยิ้มอะไรเหรอ เธอถามว่า แล้วพี่ชอบดูด้วยหรือป่าวล่ะ ผมบอกว่า อ้าว เป็นผู้ชายก็ชอบซิ ไม่ได้เป็นเกย์นิ แล้วเราก็เปลี่ยนเรื่องคุยไปถึงเรื่องแฟน หลินบอกว่ามีแต่ก็เลิกไปแล้ว เพราะผู้ชายชอบเอาแต่ได้ นิสัยไม่ดี เอาเปรียบ หลายใจ มือไวใจเร็ว ตอนนี้ก็เลยตั้งใจอยากเรียนให้จบมากกว่า พอกลับถึงบ้าน ผมกะหลินก็กินของว่างแล้วผมก็ขอตัวไปอาบน้ำก่อน แล้วจะเริ่มติวสอบกัน เริ่มต้นด้วยวิชาการตลาดก่อน พอลงมาผมก็นึกว่าหลินจะเปลี่ยนชุดนักศึกษาแล้ว แต่เธอยังอยู่ในชุดนักศึกษาอยู่เลย หลินบอกว่าขี้เกียจเปลี่ยน ไม่อยากซักผ้าหลายชุด ก็เริ่มกันเลยดีกว่า หลินก็เลยนั่งกะพื้นและเอาหนังสือวางบนโต๊ ส่วนผมนั่งสูงกว่าอยู่บนโซฟา หลินปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาลงมาถึงเม็ดที่สาม คงนึกภาพออกนะครับ ว่าเสื้อเปิดลงต่ำมากว่าเสื้อชั้นในเสียอีก เวลานั่งกะพื้น กระโปรงก็ร่นสั้นไปจนเกือบจะถึงสะโพกอยู่แล้ว โต๊ะก็เป็นกระจก มองเห็นทะลุหมด ผมเริ่มจะไม่มีสมาธิแล้ว ยิ่งหลินปลดกระดุมเสื้อด้วย ผมก็ไม่มีสมาธิเลย แล้วเราก็เริ่มติวกัน สอนไป ผมก็นั่งเล็งหน้าอกหลินไป วันนี้เธอใส่เสื้อชั้นในผ้ามันแบบไนลอนยืดผสม (Lycra & Spandax) สีชมพูอ่อนเงาๆ ทำไงได้ล่ะครับ ก็หน้าอกหลินทั้งใหญ่ทั้งขาว อีกทั้งเสื้อนักศึกษาสมัยนี้เขาดีไซน์กันแบบรัดรูป จนตะเข็บแทบปริเลย หน้าอกเธอแทบจะทะลักออกมานอกเสื้อนักศึกษาอยู่แล้ว สอนไปได้เกือบชั่วโมง หลินเริ่มสังเกตเห็นว่าสายตาของผม ไม่ได้จ้องที่หนังสือแล้ว แต่กลายเป็นที่หน้าอก และกระโปรงของเธอมากกว่า แต่หลินก็ไม่ได้พูดอะไร เหมือนกับว่าหลินก็อยากจะล้อเล่นกับผมอย่างนั้นแหล่ะ เพราะหลินขยับให้กระโปรงร่นขึ้นมาจะเกือบจะถึงเป้ากางเกงในอยู่แล้ว แต่เธอแค่นั่งเหยียดขาแล้วไขว้กันไว้ แค่เพื่อไม่ให้เห็นเป้ากางเกงในของเธอเท่านั้นเอง เธอไม่ได้เอามือดึงกระโปรงลงสักนิดเดียวเลย ผมก็พยายามอย่างสุดความสามารถที่ตั้งสมาธิที่จะสอนเธอ แต่ใจมันคิดเลยเถิดไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ สุดท้ายมาความแตก เอาตอนที่หลินถามคำถามผม โดยผมกำลังเพลินกับท่านมหกของเธออยู่ ก็เลยจำไม่ได้ว่าเธอถามอะไรแน่ เพราะผมยังอ้าปากค้าง แถมตายังจ้องที่กระโปรงและหน้าอกเธออีกต่างหาก ในที่สุดหลินก็พูดเรียกสติผมด้วยเสียงดุๆ ว่า 32C ค่ะ ผมได้สติ ทวนคำตอบของหลินว่า 32C อะไรเหรอ หลินหัวเราะอย่างขบขันแล้วบอกว่า ก็พี่แซมกำลังมองอะไรอยู่ล่ะค่ะ พี่กำลังจ้องหน้าอกหลินอยู่ไม่ใช่หรือค่ะ ผมก็เลยหน้าแหกเลย แต่ก็ต้องแก้เขินแบบโง่ๆไปว่า แล้ว 32C มันเกี่ยวอะไรล่ะ หลินส่ายหัว แต่ก็ตอบอย่างคุณครูสอนเด็กประถมว่า 32 คือ 32 นิ้วคือความยาวรอบลำตัวใต้หน้าอกของหลิน หลินเป็นคนตัวเล็กค่ะ ความยาวรอบตัวเลยไม่มากเหมือนคนอื่น ส่วน C คือขนาดคัพไซส์ของเต้าค่ะ หรือความใหญ่ของเต้านมไงค่ะ เขามีตั้งแต่ A

เล่าเรื่องเสียว เรื่องมันยาวครับ

No comments:

Post a Comment